![]() การที่รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยอมปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ดจากตันละ 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาท เป็นอันตรายต่อเสถียรภาพรัฐบาลยิ่งนัก สะท้อนว่ารัฐบาลขาดความรอบคอบหลายด้าน นับตั้งแต่โยนเรื่องจำนำข้าวออกมาเป็นนโยบายหาเสียง มีหลายคนก็เคยบอกในตอนนั้นแล้วว่า อย่าฝืนความจริงเพียงเพื่อต้องการเอาชนะเลือกตั้งเท่านั้น แม้เสียงส่วนใหญ่ที่อาจจะเลือกตั้งเข้ามาได้จัดตั้งเป็นรัฐบาลก็จริง แต่ชาวนาก็ไม่ได้รู้เรื่องกำไรขาดทุน ภาระการเป็นหนี้ทางการเงินการคลังของรัฐบาลด้วยก็ตาม จึงไม่ควร “ประกัน” (จำนำ)ราคาไว้สูงเกินไป จนสุดท้ายรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ต้องยอมเสียหน้า กลืนน้ำลายตัวเอง และอาจต้องยอมสูญเสียคะแนนความนิยมที่จะส่งผลกระทบถึงการเลือกตั้งในคราวหน้าอีกด้วย นี่คือการขว้างงูไม่พ้นคอตัวเอง หรือไม่รอบคอบพอ ![]() ถึงจะปรับลดราคาจำนำข้าวลงมาแล้ว เรื่องนี้ก็ยังไม่จบลงเพียงแค่นั้น เพราะถึงอย่างไรต่อให้ลดราคารับจำนำข้าวเปลือกลงเหลือ 12,000 บาท ซึ่งเมื่อเทียบเป็นราคาข้าวที่ส่งออกเทียบกับราคาตลาดโลกที่แข่งขันกัน ราคา 12,000 บาทนี้ก็ยัง “แพงกว่า” ของผู้ผลิตรายอื่นอยู่อีก ถ้าหากจะให้แข่งขันกับผู้ผลิตหรือประเทศที่ทำตัวเป็นผู้ค้าได้ (เช่น สิงคโปร์) ราคาที่รับซื้อจากชาวนาควรจะลดต่ำลงมาอีก (เราซื้ออยู่ที่ 470 – 490 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 14,700 บาทต่อตัน) เช่น อินโดนีเซีย ราคาขายข้าวต่ำกว่าไทยอยู่ 100 – 170 ดอลลาร์สหรัฐ เวียดนามต่ำกว่า 160 ดอลลาร์สหรัฐ หรืออินเดียต่ำกว่า 90 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น ![]() เรื่องจะให้มีผลกระทบลามไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาลน้องสาว คุณทักษิณย่อมไม่ยอมให้เจ็บอย่างแน่นอน ทั้งการระบายข้าวออกรอบใหม่นี้ รัฐบาลจะมีการขายออกกันอย่างอุตลุด ถูกแพงเท่าไรไม่เป็นไร ขอให้ได้ขาย เพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องให้กับ ธกส. เพื่อไปอ้างกับชาวนาได้ว่าได้ขายออกไป เพื่อให้ได้คะแนนนิยมจากชาวนาและเกษตรกรกลับคืนมา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยขณะนี้จึงเปรียบเสมือนป้อมปราการที่ สส.พรรคเพื่อไทยต้องรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ ต้องไม่ให้เกิดมี “ม้อบชาวนา” ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตอนนี้ทั้งคุณทักษิณและ สส.ของเขาต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ความหมายก็คือ รัฐบาลไม่ได้ทำผิดอะไร เพียงแต่รัฐบาลทำผิดไปจากที่พรรคประชาธิปัตย์คิดไว้เท่านั้นเอง จึงถูกโจมตี หรือบ้างก็อ้างไปถึงว่า เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์จึงทำให้รัฐบาลต้องลดราคาจำนำข้าว หรือสำทับไปอีกนิดว่า เพราะราคาข้าวในตลาดโลกเขาขายถูกกว่าเรา แต่ไม่ได้บอกชาวนาคือต้นเหตุว่า แท้ที่จริง เพราะรัฐบาลซื้อ (จำนำ) เข้ามาแพงกว่าประเทศอื่นๆ ก็ด้วยนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล และ เมื่อรัฐบาลทำขาดทุนข้าว ก็ต้อง “เอาเงินมาอุดเงิน” ซึ่งแตกต่างจากการทำกำไร ที่เขา “เอาเงินมาต่อเงิน” เมื่อยอมเจ็บจากบาดแผลที่กลายมาเป็นหนองรอวันปะทุ ต้องพึ่งมีดหมอรักษา และต้องใช้เงินมหาศาลในฤดุกาลเลือกตั้งรอบใหม่ จะนำ "กระสุน" มาจากที่ใดเป็นมิได้ นอกจากการเปลี่ยนจาก "ทุนน้ำ" มาเป็น "กระสุนดินดำ" หริอเงินทุนจากโกงข้าวก็เอามาแปรเป็น "กระสุน" เพื่อยิง สส.เข้าเป้ารอบใหม่ได้ ![]() กลไกการตรวจสอบ เปิดโปงเรื่อง “นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลขาดทุน” เริ่มตั้งแต่ 1. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก รวมทั้งสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเปิดเกมเรื่องนี้ในสภาฯ มาก่อน แล้วยังกลายเป็นบาดแผลเรื้อรังมาจนถึงวันนี้ ยังวางมือเรื่องนี้ไม่ได้ ที่จะต้องพิสูจน์ว่ารัฐบาลและโครงข่ายโกงจำนำข้าว และ ไอ้โม่งคนนั้นตามที่ นพ.วรงค์ ตั้งสมมุติฐานไว้นั้นเป็นเครือข่ายเดียวกันกับคนในรัฐบาล 2. สื่อมวลชน ซึ่งได้ทำหน้าที่อย่างดีแล้ว แต่ก็ยังต้องทำดีต่อไป ผู้สื่อข่าวยังต้องทำการบ้านหนักและติดตามการทำงานของรัฐมนตรีในเรื่องจำนำข้าว รวมถึงนโยบายอื่นๆ ด้วย 3. ประชาชนในยุคสมัยเทคโนโลยีสารสนเทศ การรวมตัวกันติดตามตรวจสอบข้อมูลการทำงานของรัฐบาล การเผยแพร่หรือแบ่งปันข้อมูลให้แก่กัน รวมทั้งการแสวงหาทางออกที่เหมาะสมให้แก่สังคม ยังมีส่วนที่ขาดหายไปคือบทบาทของนักวิชาการ เช่น นักวิชาการในสถาบันต่างๆ ครูอาจารย์ในมหาวิทยาลัยซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลนับวันจะยิ่งมีจำนวนที่ลดน้อยลง และยังขาดการให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างจริงจัง ![]() รัฐบาลจะ “แก้กรรม” เรื่องจำนำข้าว สำเร็จลงได้หรือไม่ มีอยู่ 3 – 4 ปัจจัยตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขของบ้านเรา ตามที่กล่าวข้างต้นเท่านั้นที่จะเป็น “อุปสรรค” การแก้กรรมของรัฐบาล ข้าว เป็นอาหารหลักในการยังชีพของประชาชนชาวไทย แต่นโยบายการจำนำข้าวมิใช่อาหารยังชีพของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
............................
|
วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556
รัฐบาลต้องแก้กรรม ..นโยบายจำนำข้าว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น